Thailand food market logo
  • ลงชื่อเข้าใช้
  • EN
  • |
  • TH
  • หน้าแรก
  • สินค้า
  • ผู้ซื้อ
  • ผู้ขาย
  • ข่าวสาร & กิจกรรม
  • ความรู้ทางการค้า
  • เกี่ยวกับเรา
  • สนับสนุน
    • ติดต่อเรา
    • ดาวน์โหลด
    • คำถามที่พบบ่อย
  1. Home
  2. Knowledge
  3. ผลกระทบทางเศรษฐกิจของไทย หลัง EU ลดระดับความสัมพันธ์

ผลกระทบทางเศรษฐกิจของไทย หลัง EU ลดระดับความสัมพันธ์

การลดระดับความสัมพันธ์ของ European Union (EU) ต่อไทย เมื่อปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา แม้จะไม่ถึงระดับการ Sanction หรือคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจแก่ประเทศไทย แต่ส่งผลให้การเจรจาและลงนามใน Partnership & Cooperation Agreement (PCA) ระหว่างประเทศไทยและ EU ต้องระงับไป ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก และระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

และเมื่อมีการระงับการลงนามใน PCA จึงส่งผลให้การลงนามเขตการค้าเสรี (Free Trade Area : FTA) ระหว่างประเทศไทย และ EU ต้องชะลอออกไปด้วยเช่นกัน ทั้งที่หลายฝ่ายเห็นว่า FTA เป็นกลไกสำคัญที่จะมาทดแทนการยกเลิกสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ในปี พ.ศ. 2558 ที่ EU เคยให้สิทธิแก่ผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากประเทศไทย ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป ทั้งอาหารทะเล กุ้ง และไก่ ฯลฯ

ดังนั้น การกำหนดมาตรการบรรเทาปัญหาข้างต้นแก่ภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ จึงนับเป็นสิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องและหน่วยงานต่างๆ จะได้กำหนดขึ้นให้มีความชัดเจนล่วงหน้า พร้อมไปกับการเร่งปรับระดับความสัมพันธ์กับนานาประเทศ และ EU ต่อไป

10645016_1479046002362882_7465731072394598806_n

การประกาศลดระดับความสัมพันธ์ของ European Union (EU) ต่อประเทศไทย อันเป็นผลสืบเนื่องจากการทำรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แม้ว่าการลดระดับความสัมพันธ์ดังกล่าว จะไม่ถึงระดับของการ Sanction หรือคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ แต่ได้ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาแก่นักลงทุน และผู้ประกอบการในภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ที่มีตลาดสำคัญในกลุ่มชาติสมาชิก EU

ซึ่งแน่นอนว่าหาก คสช. และผู้เกี่ยวข้องไม่สามารถที่จะสร้างความเข้าใจและปรับระดับความสัมพันธ์กับนานาประเทศ และ EU ได้ ย่อมจะส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจโดยรวมของไทย ที่มีการลงทุนจากต่างประเทศ การส่งออก และการท่องเที่ยว เป็นตัวจักรขับเคลื่อนที่สำคัญ

 

ภายหลังการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพี่อระงับความขัดแย้งทางความคิดและการเมืองของประชาชนในประเทศ ก่อนจะลุกลามเกินความคาดหมายที่อาจจะยากแก่การควบคุมสู่ความสงบและสันติได้ดังเดิม ซึ่งผลจากการรัฐประหารของ คสช. ในปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา สามารถหยุดยั้งความขัดแย้งที่รุนแรงในประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ

หากแต่กระบวนการและวิธีการที่ คสช. ได้ดำเนินการ ย่อมไม่เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มชาติตะวันตก ทั้งสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป หรือ European Union (EU) ซึ่งได้สะท้อนท่าทีความไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ คสช. ด้วยกลไกทางการเมืองระหว่างประเทศต่างๆ แต่ที่ส่งผลสะเทือนแก่สังคมและภาคเศรษฐกิจของไทยอย่างมาก คือ กลุ่มรัฐมนตรีต่างประเทศของ EU ได้ออกแถลงการณ์ลดระดับความสัมพันธ์กับประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

โดยสาระหลักของแถลงการณ์ครั้งนี้ คือ การให้ประเทศสมาชิก EU ลดระดับความสัมพันธ์กับไทย ทั้งการระงับการเยือนอย่างเป็นทางการระหว่างกัน และที่สำคัญ คือ การระงับการลงนามความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือกับประเทศไทย (Partnership & Cooperation Agreement : PCA) จนกว่าประเทศไทยจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งของประชาชน รวมถึง การให้ชาติสมาชิก EU ทบทวนความสัมพันธ์ทางทหารกับกองทัพไทยในอีกมิติหนึ่ง

ผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจไทย

แม้แถลงการณ์ลดระดับความสัมพันธ์กับประเทศไทยในครั้งนี้ จะไม่ถึงระดับการคว่ำบาตร หรือ Sanction ทางเศรษฐกิจและการเงินกับประเทศไทย แต่ได้ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและจิตวิทยาแก่ระบบเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก

โดยผลกระทบทางตรงที่เด่นชัดที่สุด คือ เมื่อมีการระงับการลงนามใน PCA ย่อมหมายถึง การชะลอการเจรจาและลงนามด้วยว่าเขตการค้าเสรี (Free Trade Area : FTA) ระหว่างประเทศไทย และ EU ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่มาทดแทนสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ที่ EU เคยให้แก่ผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากประเทศไทย แต่จะถูกยกเลิกในปี พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป จึงมีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ส่งออกของไทย เช่น ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ อัญมณี เครื่องประดับ ยานยนต์ รวมถึง ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากทะเล กุ้ง และไก่ ฯลฯ มีความเสียเปรียบในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งขันในตลาด EU ที่มีมูลค่าการส่งออกจากประเทศไทยกว่า 7 แสนล้านบาท ในปี พ.ศ. 2556 และเพียง 5 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2557 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกไปยังตลาด EU กว่า 3 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ EU ซึ่งเคยนำเงินมาลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และอื่นๆ ในประเทศไทยกว่า 4 หมื่นล้านบาท เมื่อปี พ.ศ. 2556 มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะต้องระงับ ชะลอ หรือแม้แต่การปรับแผนการลงทุนในประเทศไทย ด้วยสาเหตุสำคัญ คือ การระงับการลงนามใน PCA ระหว่างประเทศไทยและ EU อีกเช่นกัน ทั้งนี้ เพราะสาระสำคัญของ PCA คือ การกำหนดรากฐานความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างประเทศไทยและ EU ที่จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาวต่อไป

ผลกระทบทางจิตวิทยาที่เกิดขึ้นจากการลดระดับความสัมพันธ์ของ EU ต่อประเทศไทย ร่วมกับแรงส่งจากข่าวสารสถานการณ์ความขัดแย้งภายในประเทศไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญให้นักท่องเที่ยวจากชาติสมาชิก EU ปรับเปลี่ยนเส้นทางการท่องเที่ยวไปสู่ประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มชาติสมาชิก Asean จึงมีความเป็นไปได้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจาก EU ในปี พ.ศ. 2557 จะมีจำนวนที่ลดลงจากปี พ.ศ. 2556 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจาก EU เดินทางมาท่องเที่ยวไทยกว่า 7 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 24 ของทั้งหมด

ข้อเสนอแนะ

เมื่อตัวจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ทั้งด้านการลงทุน การส่งออก และการท่องเที่ยว ได้รับผลกระทบจากการลดระดับความสัมพันธ์ของ EU ในครั้งนี้ แม้จะยังไม่แสดงออกถึงผลกระทบที่ชัดเจนในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วหลายฝ่ายเชื่อว่าจะสร้างผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างมาก

ดังนั้น การปรับตัวโดยภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นสิ่งที่ควรเร่งดำเนินการอย่างยิ่ง โดยผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวสู่การแข่งขันในตลาดที่ปราศจากความได้เปรียบด้านภาษี ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ Supply Chain ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น แต่มีต้นทุนในกระบวนการที่ต่ำลง เป็นต้น

สำหรับภาครัฐและผู้เกี่ยวข้อง ควรกำหนดมาตรการชี้แจงและบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจ รวมถึง การกำหนดมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบทางตรง และมีความยืดหยุ่นในระบบ Supply Chain ต่ำ เช่น ผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และแปรรูปอาหาร พร้อมไปกับการเร่งทำความเข้าใจ และยกระดับความสัมพันธ์กับนานาประเทศ และ EU ต่อไป

AT03

แหล่งที่มา : อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิเพื่อสถาบันอาหาร

Post navigation

  • ← อาเชียนจะเป็นศูนย์กลางอาหารฮาลาล (Halal) โลก
  • ทางออกของอุตสาหกรรมอาหารไทย จากข้อหาการค้ามนุษย์ →

ค้นหาสินค้า

ผู้ซื้อประกาศ

เชอรี่

เริ่มเก็บแล้ว


ต้นอ่อนทานตะวัน

บรรจุแพ็คละ 100 กรัม ราคาส่ง 15 บาท/แพ็ค


ผักสลัดไฮโดรโปรนิกส์สดๆ

ผักสลัดไฮโดรโปรนิกส์สดๆ จาก The Veggie Cafe ตรงถึงมือท่าน รายการผัก กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค กรีนคอส เรดคอส บัตเตอร์เฮด   (กรณีสั่งคละผักในบางรอบอาจ


ผักสลัด

ผักสลัดไฮโดรโปนิกส์ กรีนโอ็ด เรดโอ๊ด กรีนคอส 40 กิโล/ต่อสัปดาห์ มีเก็บทุกอาทิตย์ ราคา 100/กิโล ตลอดทั้งปี 099-309-3565 ID Line- katur15


ปลายข้าวเกรดสวย 12.90 บาท ต่อกิโลกรัม

สนใจติดต่อ 094-659-7154 โรงสีทวีรวมมิตร จ.เพชรบุรี


จำหน่ายปลาข้าว

จำหน่ายปลายข้าว กิโลกรัมละ 10 บาท 


ดูประกาศทั้งหมด

เกี่ยวกับเรา

สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม มีภารกิจหลักในการเสริมสร้างศักยภาพด้านการแข่งขันแก่อุตสาหกรรมอาหารของไทย และการเผยแพร่เอกลักษณ์ของอาหารไทย ที่มีการสั่งสมภูมิปัญญาสืบทอดมาอย่างต่อเนื่องนับแต่อดีตถึงปัจจุบันให้เป็นที่รู้จักและรับทราบแก่ผู้บริโภคทั่วโลก

ติดต่อเรา

อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิเพื่อสถาบันอาหาร
2008 ซอยอรุณอมรินทร์ 36 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700

0-2886-8088

0-2886-8106-7

สื่อสังคม

สนับสนุนโดย

© Thailand food market 2025